“แสนสิริ” โชว์แกร่ง ลงทุนใหม่ 5.2 หมื่นล้าน เติบโตก้าวข้ามทุกขีดจำกัด

ประเมินจากปฏิบัติการขายหุ้นกู้หมดเกลี้ยงวงเงิน 7,000 ล้านบาท เมื่อ 21 มกราคมที่ผ่านมา ท่ามกลางความยากลำบากของการระดมแหล่งทุนเพื่อนำมาพัฒนาโครงการในปัจจุบัน

ตีเหล็กต้องตีตอนไฟกำลังร้อน บริษัทขับเคลื่อนความเชื่อมั่นต่อทันทีด้วยการประกาศแผนธุรกิจใหม่ปีนี้ ยังคงตบเกียร์ 5 เดินหน้าลงทุนไม่ยั้ง ตั้งเป้าเปิดตัวบ้านและคอนโดมิเนียม 29 โครงการใหม่ มูลค่าโครงการสูงถึง 52,000 ล้านบาท นับเป็นแผนลงทุนแอ็กเกรสซีฟสุดขั้วก็ว่าได้

ผลงานเกินต้านในปี 2567

โดย “อุทัย อุทัยแสงสุข” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ปี 2567 ที่ผ่านมา ครบรอบ 40 ปีของแสนสิริที่มีความท้าทายในการดำเนินธุรกิจภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวเปราะบาง ขณะที่แสนสิริยังคงมีอัตราเติบโตทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง สร้างผลการดำเนินงานที่โดดเด่น สามารถรักษาระดับผลประกอบการให้เติบโตอย่างสม่ำเสมอ

ส่งผลให้แสนสิริประสบความสำเร็จ ทำยอดขายรวมถึง 50,000 ล้านบาท ยอดโอน (รวมโครงการร่วมทุน) 43,700 ล้านบาท เติบโต 13% เทียบกับปี 2566 ที่มียอดโอน 38,800 ล้านบาท โดยสินค้าบ้านแนวราบเติบโต 12% ด้วยยอดโอน 14,700 ล้านบาท และคอนโดฯ โต 13% ที่ยอดโอน 29,000 ล้านบาท

แสนสิริสามารถ Sold Out หรือปิดการขาย 100% ได้ถึง 25 โครงการ มูลค่ารวม 24,000 ล้านบาท จากกลยุทธ์เพิ่มสัดส่วนการเปิดตัวโครงการ โดยเฉพาะสินค้าบ้านแนวราบ รวมทั้งการใช้เงินลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และเน้นกลยุทธ์รักษาสภาพคล่องให้อยู่ในระดับสูง

ไฮไลต์ความสำเร็จในปี 2567 แสนสิริยังรุกหนักแผน Strategic Location โดยมี “ภูเก็ต-เชียงใหม่” เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์การลงทุนที่สำคัญในการขยายธุรกิจ ความสำเร็จสะท้อนผ่านผลงานที่แสนสิริสร้างยอดขายในตลาดต่างจังหวัดได้มากถึง 10,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโต 120%

โดยเฉพาะภูเก็ตซึ่งเป็นทำเลที่มีการเติบโตสูง แสนสิริได้ยกระดับให้เป็นฮับการลงทุนที่ 2 รองจากกรุงเทพฯ ด้วยการเปิดตัว “The Society-เดอะ โซไซตี้” โซเชียล สเปซแห่งแรกของแสนสิริในภูเก็ต บนทำเลฮอตฮิตใจกลางย่านหาดบางเทา-เชิงทะเล โลเกชั่นมาแรงที่ได้รับความสนใจและเติบโตสูงสุดในภูเก็ต

ปลุกตลาดสร้างความเชื่อมั่น

สำหรับปี 2568 ยังคงเป็นอีกหนึ่งปีที่ท้าทายภาคอสังหาฯ ในหลากหลายด้าน ในฐานะผู้ประกอบการรายใหญ่และเป็นเจ้าตลาดทุกมิติทุกเซ็กเมนต์ แสนสิริขอร่วมขับเคลื่อนตลาดและสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคอุตสาหกรรมที่อยู่อาศัย ผ่านแผนลงทุนใหม่ในธีมธุรกิจ “Dynamic Growth เติบโตแข็งแกร่ง” วางแผนเปิดตัว 29 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 52,000 ล้านบาท (บ้านแนวราบ 14 โครงการ คอนโดมิเนียม 15 โครงการ) ตั้งเป้ายอดขาย 53,000 ล้านบาท เป้ายอดโอน 46,000 ล้านบาท

ไฮไลต์อยู่ที่ปีนี้ แสนสิริส่งสัญญาณบุกหนักตลาดบ้านแนวราบ เตรียมยิงสลุตเปิดตัว 14 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 31,600 ล้านบาท ถือเป็นการครั้งแรกในรอบกว่า 40 ปีที่แสนสิริบุกตลาดมีเดียมและพรีเมี่ยม ครอบคลุมทุกทำเลมากที่สุด สินค้าแบรนด์ธงเป็นบ้านเดี่ยว “นาราสิริ” บุก 3 โครงการใหม่บนทำเลมุมเมืองรอบกรุงเทพฯ ได้แก่ นาราสิริ บางนา กม.10 ราคาเริ่ม 60-150 ล้านบาท อยู่ใน Sansiri 10 East ลักเซอรี่คอมมิวนิตี้ใหม่ย่านบางนา เตรียมเปิดพรีเซลมีนาคมนี้

ไทม์ไลน์ถัดมาเปิดบ้านลักเซอรี่แนวคิดใหม่ แบรนด์ “DEMI-เดมี” ต่อยอดจากทำเลสาธุประดิษฐ์มาปักหมุดที่พระราม 9 เหม่งจ๋าย ราคาเริ่มต้น 27.9 ล้านบาท กำหนดเปิดพรีเซลไตรมาส 2/68 และสิ้นสุดการรอคอยกับการกลับมาของแบรนด์ “บุราสิริ” จองเวลาเปิดพรีเซลโครงการไตรมาส 3/68 “บุราสิริ จตุโชติ” ราคา 13.5-25 ล้านบาท อยู่ในจตุโชติ คอมมิวนิตี้ บนแลนด์แบงก์ผืนใหญ่ 184 ไร่ และครั้งแรกกับบ้านหรู “เศรษฐสิริ เกาะแก้ว ภูเก็ต” ราคา 12-20 ล้านบาท ในช่วงไตรมาส 3/68

ส่วนพอร์ตคอนโดฯ วางแผนเปิดใหม่ 15 โครงการ มูลค่า 20,400 ล้านบาท บน Strategic Location ประเดิมโครงการใหม่ที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในขณะนี้ คอนโดฯ PTY เรสซิเดนซ์ สาย 1 บนถนนพัทยา สาย 1 มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท ราคาเริ่ม 6.99 ล้านบาท ถัดมาเรียกเสียงว้าวจากทำเลนางลิ้นจี่ที่ถือเป็นทำเล Hidden Gem เตรียมพบกับโครงการใหม่แน่นอน มูลค่าโครงการ 3,100 ล้านบาท รวมทั้ง “เวีย สุขุมวิท 34” มูลค่า 1,300 ล้านบาท และแบรนด์ HAUS โครงการล่าสุดในคอมมิวนิตี้ T77 มูลค่า 2,800 ล้านบาท

5 กลยุทธ์ “แสนสิริโมเดล”

ผู้บริหารคีย์แมนอีกราย “ภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ” ประธานผู้บริหารสายงานกลยุทธ์ของแสนสิริ กล่าวว่า แสนสิริมองปัจจัยบวกที่เป็นแรงสนับสนุนแผนการเติบโต Dynamic Growth ในปีนี้ และวาง 5 กลยุทธ์หลัก ได้แก่

1.ตอกย้ำความเชี่ยวชาญโปรดักต์ลักเซอรี่และพรีเมี่ยมในทำเลใหม่ที่มีศักยภาพสูง ซึ่งมีดีมานด์สะสมต่อเนื่องและไม่อ่อนไหวตามสภาพตลาด เตรียมเปิด “นาราสิริ” กระจายทำเลที่บางนา กม.10, กรุงเทพกรีฑา, บรมราชชนนี และ “เดมี พระราม 9-เหม่งจ๋าย” ที่เคยทำสถิติ Sold Out แบรนด์ บูก้าน พระราม 9-เหม่งจ๋าย ในวันแรกที่เปิดจองมาแล้ว

2.เติมพอร์ตสินค้าคอนโดฯ ในกรุงเทพฯ เพื่อเพิ่มแบ็กล็อก (ยอดขายรอโอน) สนับสนุนการสร้างรายได้ระยะยาว โดยมีคอนโดฯ ในเมืองพร้อมอยู่แค่ XT พญาไท กับเนีย บาย แสนสิริ, โฟล บาย แสนสิริ ซึ่งคาดว่าจะขายและโอนได้หมดในปีนี้ กลายเป็นภาคบังคับต้องเปิดโครงการใหม่เพื่อเติมเต็ม Portfolio ของแสนสิริให้แข็งแกร่งขึ้นในปีนี้

3.ต่อจิ๊กซอว์ Strategic Locations ขยายการลงทุนหัวเมืองท่องเที่ยวสำคัญ “ภูเก็ต พัทยา ขอนแก่น” เพื่อคว้าโอกาสจากความต้องการของตลาดที่สูงขึ้น โดยปีนี้จะไฮไลต์ภูเก็ต ซึ่งวางกลยุทธ์ 5 ปี (2568-2572) เปิดตัวใหม่ 27 โครงการ มูลค่า 25,000 ล้านบาท ปีนี้เตรียมเปิดเดอะ เบส เชิงทะเล, เศรษฐสิริ เกาะแก้ว รีทรีต

4.ขยายพันธมิตรร่วมทุน หรือ JV-Joint Venture ก่อนหน้านี้แสนสิริมีดีลเจวีกับพันธมิตรรายเดิม “บีทีเอสกรุ๊ป-โตคิวคอร์ปอเรชั่น-เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล” ปีนี้เพิ่มรายใหม่ “มิตซุย ฟุโดซัง เอเชีย ดีเวลลอปเม้นท์ ประเทศไทย” ผ่านโครงการร่วมทุนแบรนด์ บุราสิริ จตุโชติ และนาราสิริ บางนา กม.10 เบ็ดเสร็จดีลร่วมทุนขยายพอร์ตรวม 7 โครงการใหม่ มูลค่า 19,500 ล้านบาท

บ้านต้นแบบ Prototype 1

5.แสนสิริยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าในพันธกิจสีเขียวและเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญที่ผนวกเข้าไปในทุก ๆ กระบวนการทำงาน ในปีนี้เรายังคงพัฒนา Green Living Design ในโปรดักต์ใหม่ กับการตั้งเป้าลดพลังงานสูงสุด 50% จากปีก่อนหน้าทำได้ 40% ถัดมาคือการผลักดันการทำงานร่วมกันใน Ecosystem โดยตั้งเป้าการทำ R&D กับ 3 ราย ร่วมพัฒนากรีนโปรดักต์

และเตรียมพบกับ Sustainable Home Prototype 1 ก้าวสำคัญวงการอสังหาฯ จากแสนสิริ ที่จะเปิดให้ชมบ้านต้นแบบเร็ว ๆ นี้

บทบาทหน้าที่ในเชิงสังคม แสนสิริทำอย่างจริงจังโดยไม่ได้ยึดกับข้อจำกัดว่าต้องเกี่ยวกับธุรกิจ สนับสนุนความเสมอภาค เท่าเทียม และให้ความช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ผ่านโครงการต่าง ๆ อาทิ Live Equally ฯลฯ ในปีนี้แสนสิริจะแสวงหาความร่วมมือจากพันธมิตรธุรกิจ เพื่อช่วยกันผลักดันเรื่องของ DE&I (Diversity, Equality, and Inclusion)

นอกจากนี้ มีโครงการ Zero Dropout ปีที่ 3, Sansiri Academy เดินหน้าต่อเป็นปีที่ 19 เป็น 1 ในอะคาเดมี่ไม่กี่แห่งที่ยังคงเปิดให้เด็กเข้าร่วมโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายมายาวนาน, No One Left Behind ยังคงเดินหน้าให้การช่วยเหลือสนับสนุนกลุ่มเปราะบางตามวาระที่เหมาะสม อาทิ ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคเหนือ

ล่าสุดกับ Future Harvest แนวคิดต้นแบบความร่วมมือกับสมาคมธุรกิจกาแฟพิเศษและชุมชนในการสนับสนุนปลูกกาแฟในพื้นที่เชียงใหม่เพื่อทดแทนการปลูกอ้อย เพื่อแก้ปัญหาเผาไร่อ้อยและลดฝุ่น PM 2.5 ในระยะยาว

9/2/2568  ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 9 กุมภาพันธ์ 2568 )