เดอะ พิซซ่า คอมปะนี เพิ่มงบฯ 50% ปูพรม 20 สาขา ส่ง ‘น้องหนานุ่ม’ มาสคอตหนุนยอดขาย

“เดอะ พิซซ่า คอมปะนี” โหมตลาด QSR เพิ่มงบฯ 50% เป็นกว่า 600 ล้านบาท ปูพรม 20 สาขาในกรุงเทพฯ-ต่างจังหวัด พร้อมโปรโมชั่น “1 แถม 1 พร้อมบวก” หวังตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เน้นความคุ้มค่า เดินหน้าพัฒนาเมนูใหม่ในกลุ่ม “พาสต้า-สเต๊ก-สลัด” ดึงลูกค้าใช้บริการในร้าน ตั้งเป้าปี 2568 จะมีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10%

นายปัทม์ พงษ์วิทยาพิพัฒน์ ผู้จัดการทั่วไป เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ภายใต้การดำเนินงาน บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินงานในปี 2567 ที่ผ่านมา “เดอะ พิซซ่า คอมปะนี” ยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมียอดขายรวมทุกช่องทางเพิ่มขึ้นสูงกว่า 5% และมีจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นสูงกว่า 10% เมื่อเทียบกับปี 2566

ซึ่ง Key Driver หลัก ๆ มาจากที่บริษัทได้มีการพัฒนาเมนูใหม่สำหรับทานเดี่ยว อย่างเมนู “ไบท์” (BiTE) ออกมาเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคปัจจุบันที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว และทานได้ง่าย ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยสามารถเพิ่มจำนวนลูกค้าทานเดี่ยวได้มากยิ่งขึ้น

รวมถึงที่บริษัทได้มีการโปรโมตอาหารในกลุ่มพาสต้า สเต๊ก และสลัด เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับลูกค้าที่ไม่ต้องการทานพิซซ่า ก็ส่งผลให้มีอัตราการเข้ามาใช้บริการในร้านถี่มากขึ้น จากเดิมอยู่ที่ 2.5 ครั้งต่อเดือน เป็น 3.5 ครั้งต่อเดือน เมื่อเทียบกับปี 2566

ขณะเดียวกันจากการปรับโฉมสาขาเดิมให้มีความโมเดิร์นมากยิ่งขึ้น และเพิ่มบริการใหม่ ๆ อย่าง การันตีส่งภายใน 20 นาที ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทั้งยอดขาย และจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยปัจจุบัน “เดอะ พิซซ่า คอมปะนี” มีฐานลูกค้าอยู่ที่ประมาณ 2 ล้านราย ซึ่งมียอดการใช้จ่ายต่อบิลอยู่ที่ 500-550 บาท

รุกปูพรม-รีโนเวตสาขาเต็มสูบ

นายปัทม์กล่าวต่อว่า สำหรับทิศทางการดำเนินงานในปี 2568 บริษัทยังคงเดินหน้าสานต่อความสำเร็จ โดยวางงบฯการลงทุนทั้งปีอยู่ที่ราว ๆ 600 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าประมาณ 50%

ซึ่งหลัก ๆ จะแบ่งเป็นการขยายสาขาใหม่ 200 ล้านบาท โดยในปีนี้ตั้งเป้าขยายเพิ่มอีก 20 สาขา แบ่งเป็นในกรุงเทพฯ 60% และต่างจังหวัด 40% ซึ่งจะมีทั้งรูปแบบร้านแบบนั่งทาน และดีลิเวอรี่ โดยจะมีขนาดพื้นที่ตั้งแต่ 120-150 ตร.ม.

“โดยหนึ่งในสาขาต่างจังหวัดที่เราจะไปบุก ก็คือ แม่ฮ่องสอน ที่ถือเป็นจังหวัดเดียวที่เรายังขาดอยู่ ซึ่งการที่เราเข้าไปบุกในครั้งนี้ ก็จะทำให้เดอะ พิซซ่า คอมปะนี มีสาขาครอบคลุมครบ 77 จังหวัด จากปัจจุบันมีอยู่ใน 76 จังหวัด ส่วนโมเดลที่จะไปเปิด กำลังพิจารณาอยู่ว่าจะเป็นแฟรนไชส์ หรือโมเดลไหน แต่มั่นใจว่าทำเลจะอยู่กลางเมืองอย่างแน่นอน”

นอกจากนี้ ยังแบ่งเป็นการรีโนเวตสาขาเดิมอีกประมาณ 100 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้ตั้งเป้าที่จะรีโนเวตสาขาเดิมอยู่ที่ประมาณ 80-100 สาขา จากปัจจุบันมีสาขาอยู่ทั้งหมด 430 สาขาทั่วประเทศ แบ่งเป็นสาขาที่บริหารเอง 200 สาขา และสาขาเดลโก้ 230 สาขา

ส่งโปรฯ 1 แถม 1-มาสคอตดันยอด

รวมถึงยังจัดสรรงบฯทางการตลาดไว้ราว ๆ 300 ล้านบาท ในการจัดแคมเปญ และกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเบื้องต้นในวันที่ 20 ก.พ. 2568 จะเริ่มประเดิมแคมเปญซิกเนเจอร์ของ “เดอะ พิซซ่า คอมปะนี” ด้วยโปรโมชั่น “ซื้อ 1 แถม 1 พร้อมบวก” ทุกหน้า ทุกขอบ ทุกช่องทาง เริ่มต้นเพียง 279 บาท

ภายใต้แนวคิด “พร้อมบวก” ที่สื่อถึงความพร้อมในการมอบสิทธิประโยชน์แบบจัดเต็มให้ลูกค้า เริ่มต้นด้วยฟรีค่าส่ง ตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์-วันที่ 12 มีนาคม 68 ต่อด้วย ปีกไก่ 1 แถม 1 ตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม-วันที่ 31 มีนาคม 68 และต่อสุดท้ายกลับมาอีกครั้งกับฟรีค่าส่งและพิเศษเฉพาะสมาชิก เดอะ พิซซ่า คอมปะนี รีวอร์ด รับเพิ่มคูปองดิจิทัลส่วนลด มูลค่า 100 บาท จำนวน 5 ใบ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน-วันที่ 20 เมษายน 68

“ในแง่ของแบรนด์เราพร้อมที่จะแข่งขัน พร้อมที่จะทำให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการเรามากยิ่งขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาเราก็เล็งเห็นแล้วว่าเรื่องของความคุ้มค่า จะเป็นสิ่งที่มาตอบโจทย์ปัจจัยเหล่านี้ และจะทำให้แบรนด์ของเราแข็งแกร่งขึ้น ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน และกำลังซื้อที่ยังไม่ได้ฟื้นตัว โดยคาดว่าจากแคมเปญนี้จะผลักดันยอดขายทั่วประเทศโตขึ้น 12% จากปีที่แล้วสามารถไดรฟ์ยอดขายเพิ่มขึ้น 4-5%”

ขณะเดียวกันในปีนี้ “เดอะ พิซซ่า คอมปะนี” ก็ได้มีการเปิดตัว “น้องหนานุ่ม” มาสคอตที่จะมาเป็นตัวกลางในการสื่อสารระหว่างผู้บริโภคกลุ่มไลฟ์สไตล์และแบรนด์เข้าด้วยกัน ซึ่งก็จะเริ่มโปรโมตควบคู่ไปกับแคมเปญ “ซื้อ 1 แถม 1 พร้อมบวก” อีกด้วย

“ซึ่งการเลือกใช้มาสคอตในการสื่อสารแบรนด์ เนื่องจากเล็งเห็นว่าเทรนด์อาร์ตทอย และมาสคอตกำลังมาแรงมาก ประกอบกับในปีนี้เราอยากที่จะเจาะไปที่กลุ่มไลฟ์สไตล์มากยิ่งขึ้น จึงทำให้เราเลือกที่จะใช้ “น้องหนานุ่ม” มาเป็นตัวกลางในการเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มดังกล่าว จากปีก่อนหน้าได้มีการใช้พรีเซ็นเตอร์ อย่าง “พีพี และบิวกิ้น” ในการเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ และประสบความสำเร็จอย่างมาก”

เสริมทัพเมนูใหม่-ดึงลูกค้าเข้าร้าน

ทั้งนี้ นอกเหนือจากแผนการขยายสาขา และแคมเปญการตลาดแล้ว ในปีนี้ บริษัทก็มีแผนที่จะออกเมนูใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยหลัก ๆ จะเน้นไปที่กลุ่มพาสต้า สเต๊ก และสลัด เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ต้องการความหลากหลายมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

ยืนยันไม่ขึ้นราคา

นายปัทม์กล่าวย้ำว่า สำหรับความท้าทายในการดำเนินธุรกิจร้านอาหารในปี 2568 มองว่าธุรกิจร้านอาหารยังคงต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น

ขณะเดียวกันก็ยังต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะจากผู้เล่นรายใหม่จากจีนที่เข้ามาในตลาดไทยอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีแบรนด์บางส่วนที่อาจต้องออกจากตลาดในปี 2568 แต่การแข่งขันก็ยังคงดุเดือด โดยบริษัทจะยังคงเดินหน้าผลักดันทุกช่องทางให้แข็งแกร่ง เพื่อรักษาการเติบโตท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง

“แม้ว่าภาคการท่องเที่ยวจะมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น แต่ในส่วนของตลาดแมสยังคงมีความท้าทายสูง เนื่องจากการจับจ่ายของผู้บริโภคยังไม่กลับมาอย่างเต็มที่ ทำให้แบรนด์ต้องบริหารจัดการต้นทุน เพื่อไม่ให้กระทบต่อราคาสินค้าและกำลังซื้อของลูกค้า ซึ่งในปีนี้ “เดอะ พิซซ่า คอมปะนี” ยืนยันจะไม่มีการปรับขึ้นราคาอย่างแน่นอน”

สำหรับตลาดพิซซ่าในไทยปัจจุบันมีมูลค่าราว 11,000 ล้านบาท เติบโตต่ำกว่า 5% ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับอุตสาหกรรมร้านอาหารโดยรวมในปี 2567 ที่มีการหดตัว อย่างไรก็ตามในปี 2568 คาดว่า “เดอะ พิซซ่า คอมปะนี” จะสามารถเติบโตได้ดีกว่าตลาด โดยตั้งเป้าเติบโตมากกว่า 10%

20/2/2568  ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 20 กุมภาพันธ์ 2568 )