“SENA” คิด-ทำ-ดำรงจุดมุ่งหมาย ย้ำผู้นำโซลาร์โฮมโตไปกับลูกค้า Affordable

เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ บริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ฯที่ประกาศจุดยืน พัฒนาที่อยู่อาศัยป้อนตลาดแมสหรือตลาด Affordable (บ้าน-คอนโดมิเนียมที่ลูกค้าส่วนใหญ่เอื้อมถึงได้)

ล่าสุด ถึงแม้ผลงานปี 2567 ยังคงมีหน่วยเหลือขายรวมกัน 15,000 ยูนิต มูลค่าร่วม 50,000 ล้านบาท สัดส่วนมากถึง 70-80% เป็นกลุ่มลูกค้า Affordable แต่ไม่มีอะไรมาทำให้บริษัทไขว้เขวไปจากจุดยืนแม้แต่องศาเดียว รัศมีทำการของแผนธุรกิจปี 2568 ยังคงเดินหน้าสร้างโปรดักต์ป้อนตลาดแมสเป็นหลัก ด้วยแผนพัฒนา 12 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 13,000 ล้านบาท

คนกรุง 54% ซื้อไม่เกิน 3.6 ล้าน

“กรุงเทพมหานคร สัดส่วนเกิน 50% คนซื้อบ้านได้ในราคาไม่เกิน 3.6 ล้านบาท เป็นข้อมูลตอกย้ำ และเป็นความตั้งใจมากว่าเราไม่ได้อยากขายบ้านเพื่อทำกำไรอย่างเดียว เราอยากจะขายบ้านที่ทำให้คนกรุงเทพฯส่วนใหญ่สามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัยได้ ดังนั้น ถึงแม้เซ็กเตอร์นี้จะมีปัญหาเรื่องเกี่ยวกับรีเจ็กชั่นเรต หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่สิ่งที่เราทำเรายังอยู่ในเซ็กเตอร์นี้ เซ็กเมนต์นี้ และหาทางแก้ปัญหาว่าจะทำยังไงให้เซ็กเมนต์นี้สามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัยได้มากขึ้น”

ประโยควรรคทองของ “ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะดีเวลอปเปอร์ดีกรีอดีตนักวิชาการจุฬาฯ ข้อมูลจึงแน่นเอี้ยด นำเสนอข้อมูล “รายได้และจำนวนครัวเรือนในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล” ภาพรวมมี 5.6 ล้านครัวเรือนที่ลงทะเบียนสำมะโนประชากร ไม่ได้นับประชากรแฝงซึ่งคาดว่าไม่ได้มีเยอะเป็นหลักสิบล้านคน มีการแบ่งเป็น 6 เซ็กเมนต์ตามกำลังซื้อ ดังนี้

รายได้ต่อครัวเรือนน้อยกว่า 10,000 บาท/เดือน มี 2.71 แสนครัวเรือน สัดส่วน 5% ซื้อบ้านได้ในราคาน้อยกว่า 1.2 ล้านบาท

ถัดมา รายได้ครัวเรือนละ 10,000-20,000 บาท มี 1.41 ล้านครัวเรือน สัดส่วน 27% ซื้อบ้านได้ในราคา 1.2-2.4 ล้านบาท

รายได้ครัวเรือนละ 20,000-30,000 บาท มี 1.32 ล้านครัวเรือน สัดส่วน 22% ซื้อบ้านได้ในราคา 2.4-3.6 ล้านบาท

รายได้ครัวเรือนละ 30,000-40,000 บาท จำนวน 8.99 แสนครัวเรือน สัดส่วน 16% ซื้อบ้านได้ในราคา 3.6-4.9 ล้านบาท

รายได้ครัวเรือนละ 40,000-50,000 บาท จำนวน 5.8 แสนครัวเรือน สัดส่วน 10% ซื้อบ้านได้ในราคา 4.9-6.1 ล้านบาท

และรายได้ครัวเรือนเกิน 50,000 บาทขึ้นไป มี 1.150 ล้านครัวเรือน สัดส่วน 20% ซื้อบ้านได้ในราคาเกิน 6.1 ล้านบาทขึ้นไป

เมื่อนำรายได้ที่เป็นตัวสะท้อนความสามารถซื้อที่อยู่อาศัยตลาด Affordable ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทบวกลบ จึงเท่ากับกลุ่มมีรายได้ครัวเรือน 10,000-30,000 บาท รวมกันจะมี 3 ล้านครัวเรือน สัดส่วน 54% ที่สามารถเอื้อมถึงบ้านและคอนโดฯ ในราคาไม่เกิน 3.6 ล้านบาท

Refine Focus 4 แกนหลัก

เสนาฯแสดงผลประกอบการ 9 เดือนแรก 2567 (มกราคม-กันยายน 2567) มียอดขายหรือยอดพรีเซล 12,500 ล้านบาท มีการคิดละเอียด โดยนำเสนอตัวเลขโครงการ “เช่าออมบ้าน-LivNex” ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่บริษัทก่อตั้งขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาลูกค้าตลาด Affordable ไม่สามารถขอเงินกู้จากช่องทางแบงก์ตามปกติเพราะถูกปฏิเสธสินเชื่อ และเมื่อได้ลงมือทำจริง ๆ ทอนกลับมาเป็นยอดขายได้ถึง 1,900 ล้านบาท จำนวน 976 ยูนิต โดยมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) ณ สิ้นไตรมาส 3/67 อยู่ที่ 6,515 ล้านบาท

แผนธุรกิจปี 2568 บริษัทเตรียมเปิดตัว 12 โครงการใหม่ แบ่งเป็น 11 คอนโดฯ กับ 1 บ้านแนวราบ มูลค่ารวม 13,000 ล้านบาท โดยยังคงเน้นตลาด Affordable Segment ซึ่งเป็นกลุ่มที่เสนาฯครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุด 20% ของตลาดรวม หรือมากกว่า 20,000 ยูนิต ตั้งเป้ายอดขาย 15,500 ล้านบาท เป้ายอดโอน 10,000 ล้านบาท รวมสัดส่วนรายได้จากโครงการ LivNex เช่าออมบ้านที่ตั้งเป้าไม่น้อยกว่าเดิมด้วย

แผนธุรกิจที่ดำรงจุดมุ่งหมาย ต้องการย้ำหมุดการเป็นผู้นำด้านการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน (Sustainable Living Leader) ผ่านกลยุทธ์ “Refined Focus” ที่ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงแค่การพัฒนา แต่อยู่ที่การยกระดับโครงการและบริการที่มีอยู่ให้ดีที่สุด นำเสนอ 4 แกนหลัก คือ

1.“No.1 in Affordable Market” ปัจจุบันเสนาฯเป็นผู้นำตลาด Affordable มีบ้านและคอนโดฯรวม 12,600 ยูนิต มูลค่ารวม 30,600 ล้านบาท ตอบโจทย์กลุ่มเรียลดีมานด์ที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท/เดือน คิดเป็น 54% ของครัวเรือนในกรุงเทพฯและปริมณฑล เสนาฯเชี่ยวชาญในตลาดนี้และพร้อมยกระดับมาตรฐานการอยู่อาศัยให้เข้าถึงได้จริง

2.“Strong Partnership” เดินหน้าความร่วมมือกับฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ป พันธมิตรทางธุรกิจที่ยาวนานกว่า 9 ปี พัฒนาโครงการรวม 66 โครงการ มูลค่ากว่า 83,000 ล้านบาท ไม่เพียงเสริมศักยภาพทางการเงินเพื่อการเติบโตที่แข็งแกร่ง แต่ยังสะท้อนถึงความเชื่อมั่นและไว้วางใจในการบริหารของเสนาฯด้วยธรรมาภิบาลที่ดี และมาตรฐานการพัฒนาโครงการที่ยั่งยืน ในอนาคตยังมีโครงการรอร่วมทุนอีกนับไม่ถ้วน

เดินหน้า LivNex ลดเหลื่อมล้ำ

3.“SENA Eco System to Make us Stronger” การขับเคลื่อนธุรกิจที่เสริมสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนของกลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ “SenX-เซ็นเอกซ์” ธุรกิจบริการอสังหาริมทรัพย์ด้วยข้อมูลและเทคโนโลยี, “SENA Green Energy” ก้าวสู่ธุรกิจพลังงานสะอาดจากการเป็นบริษัทอสังหาฯรายแรกที่ติดตั้งโซลาร์รูฟ

ในโครงการจัดสรร เป็นรายแรกที่ทำโซลาร์ทาวน์เฮาส์ ล่าสุดติดตั้งแล้วเกิน 1,000 ครัวเรือน

มีการขยายสู่นิวเอสเคิร์ฟ ทั้งการเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า 3 แบรนด์ “NETA-LEAP-DEEPAL” รวมทั้งกิจการ “SENA Reforestation” ตั้งเป้าปลูกป่า 2,000 ไร่ เพื่อลดการปล่อยคาร์บอน เทียบเท่า 11,334 ตัน-ปี บทสรุปเสนาอีโคซิสเต็มจึงไม่ใช่แค่การพัฒนาโครงการ แต่คือการสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่ง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน

4.“Sustainable Living Leadership” พัฒนานวัตกรรมเพื่อที่อยู่อาศัยยั่งยืน ด้วยการเดินหน้าแนวคิดบ้านพลังงานเป็นศูนย์ (ZEH-Zero Energy House Concept) พัฒนา 42 โครงการ รวม 4,290 ยูนิต ลดการปล่อยคาร์บอนได้ไม่ต่ำกว่า 6,993 ตันคาร์บอน/ปี, ต่อยอดมาสู่การพัฒนาที่อยู่อาศัยแห่งอนาคต ZEH New Model บ้านเดี่ยวติดโซลาร์รูฟพร้อมแบตเตอรี่ นำเสนอผ่านเซ็กเมนต์พรีเมี่ยมแบรนด์ “Grand Serie” เตรียมเปิดตัวครั้งแรกโครงการเสนา พาร์ค แกรนด์ รามอินทรา กม.9

ควบคู่ตอกย้ำความสำเร็จภาพจำเสนาโลว์คาร์บอน ด้วยการเปิดตัวแฟลกชิปคอนโดฯโลว์คาร์บอนพร้อมเข้าอยู่ 2 โครงการ “เฟล็กซี่ เมกะ สเปซ บางนา” กับ “นิช โมโน บางโพ” เป็นต้น

ไฮไลต์ปี 2568 ตั้งเป้าลดการปล่อยคาร์บอนไม่น้อยกว่า 10,235 ตัน เทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 1,020,000 ต้น ควบคู่ตั้งเป้าเพิ่มโอกาสให้ผู้ที่มีข้อจำกัดทางการเงินสามารถเป็นเจ้าของบ้านคุณภาพได้ง่ายขึ้น จำนวน 1,000 ยูนิต ภายใต้โครงการ LivNex-เช่าออมบ้าน ซึ่งจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงที่อยู่อาศัย สร้างความมั่นคงในชีวิต

20/2/2568  ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 20 กุมภาพันธ์ 2568 )