การกลับมาอีกครั้งของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ
หลังจากโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ อายุกว่า 50 ปี ซึ่งถือเป็นแลนด์มาร์กของกรุงเทพฯ และประเทศไทย ‘ปิดตัว’ ไปตั้งแต่วันที่ 5 มกราคม 2562 โดยได้ทุบอาคารโรงแรมเดิม และแจ้งเกิดใหม่เป็นโปรเจ็กต์มิกซ์ยูส Dusit Central Park
และเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ก็กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง โฉมใหม่ที่ยังคงเอกลักษณ์ของ ‘ดุสิตธานี’ เรียกว่าใช้เวลารอคอยกว่า 5 ปี
ศุภจี สุธรรมพันธุ์
จากการทำงานร่วมกันของสองบริษัทสถาปนิกชั้นนำ ได้แก่ บริษัทสถาปนิก 49 (A49) และ OMA Asia Hong Kong Limited ที่โด่งดังในการสร้างสรรค์สถาปัตยกรรมและการวางผังเมือง ทำให้ตัวโครงสร้างอาคารของโรงแรมดุสิตธานี เป็นสถาปัตยกรรมที่มีความโดดเด่นสะดุดตา และการจัดการวางผังพื้นที่ต่าง ๆ ก็มีการเชื่อมโยงอย่างลงตัว
วันนี้คนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติจะได้เห็นอาคารสีทองสูง 39 ชั้น (เดิม 22 ชั้น) พร้อมด้วย ‘ยอดเสาสีทอง’ (Golden Spire) เอกลักษณ์ของดุสิตธานี สัญลักษณ์แห่งความทรงจำ กลับมายื่นตระหง่านอยู่ตรงหัวถนนสีลมเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง
รวมทั้งยังคงเก็บรักษาความเป็นดุสิตธานีให้ปรากฏในส่วนต่าง ๆ ของโรงแรม รวมถึง ‘เสาเบญจรงค์’ เสาเอกขนาดใหญ่ 2 ต้น ที่มีนํ้าหนักรวมกว่า 10 ตัน ถูกวาดลวดลายจิตรกรรมไทยไว้อย่างประณีต เป็นอีกสิ่งสำคัญที่อยู่คู่โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ มานาน 50 กว่าปี นับเป็นผลงานศิลปะที่ดำรงไว้เพื่อสะท้อนความเป็นเมืองดุสิตธานี โดยได้ถูกนำกลับมาเป็นอัตลักษณ์เพื่อเชื่อมรอยต่อของประวัติศาสตร์ ของดุสิตธานี
นับเป็นผลงานระดับมาสเตอร์พีซของ อาจารย์ไพบูลย์ สุวรรณกูฏ ศิษย์รุ่นแรกของอาจารย์ศิลป์ พีระศรี
สำหรับโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ประกอบด้วย ห้องพักสุดหรู ตั้งแต่ห้องดีลักซ์ จนถึงห้องสวีต รวมจำนวน 257 ห้อง โดยทุกห้องสะท้อนความเรียบหรู พร้อมเปิดรับวิวพาโนรามาของสวนลุมพินีอย่างเต็มที่ รวมถึงรูฟท็อปบาร์และสกายล็อบบี้ที่จะได้สัมผัสวิวเมืองแบบเต็มตา
อย่างไรก็ดีขณะนี้ยังเป็นการ Soft Opening พร้อมกับการทยอยเปิดให้บริการห้องพัก “ศุภจี สุธรรมพันธุ์” ซีอีโอกลุ่มดุสิตธานี ระบุว่าในช่วงแรกมีห้องพักพร้อมให้บริการ 70 ห้อง และจะทยอยเปิดเพิ่มขึ้นในทุก ๆ เดือน
รวมถึงการฟื้นตำนานห้องนภาลัย บอลรูม จากเมื่อปี 2513 โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ เคยสร้างปรากฏการณ์ให้กับคนในยุคนั้น ด้วยการมีห้องนภาลัย บอลรูมจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ที่สุดและหรูหราที่สุดในกรุงเทพฯ
การกลับมาครั้งนี้ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ยังคงเอกลักษณ์ดังกล่าวไว้ คือ มีพื้นที่จัดเลี้ยงหรือจัดประชุมรวมกันแล้วขนาดใหญ่กว่า 5,000 ตารางเมตร และหนึ่งในนั้นคือ ห้องแกรนด์บอลรูมที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ สามารถรองรับการจัดเลี้ยงในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งแบบส่วนตัวใกล้ชิด ไปจนถึงงานเลี้ยงขนาดใหญ่
โรงแรมดุสิตธานี เป็นส่วนหนึ่งในโปรเจ็กต์มิกซ์ยูส Dusit Central Park แลนด์มาร์กแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ มูลค่า 46,000 ล้านบาท ภายใต้การร่วมทุนของ “ดุสิตธานี” และ “เซ็นทรัลพัฒนา” บนพื้นที่ 23 ไร่ บริเวณหัวมุมถนนสีลม ตรงข้ามสวนลุมพินี ใจกลางย่านธุรกิจของกรุงเทพฯ ที่ประกอบด้วย โรงแรม อาคารที่พักอาศัย อาคารสำนักงาน และศูนย์การค้า
โดยมี ‘ศุภจี สุธรรมพันธุ์’ ซีอีโอกลุ่มดุสิตธานี เป็นหนึ่งในหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญของโครงการนี้ ที่ทำงานร่วมกับ ‘ชนินทธ์ โทณวณิก’ ทายาทของท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย ผู้ก่อตั้งโรงแรมดุสิตธานี สร้างตำนานบทใหม่ของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ กลับมายื่นเด่น เป็นแลนด์มาร์กของกรุงเทพฯ ด้วยรูปโฉมใหม่ที่ยังคงรักษาเสน่ห์ความเป็นไทย เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกอีกครั้ง
3/10/2567 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 3 ตุลาคม 2567 )