แลนด์มาร์กใหม่ “แสนสิริ 10 อีสต์” สังคมอยู่อาศัยสมบูรณ์แบบ 25-500 ล้าน

เซ็กเมนต์อสังหาริมทรัพย์ระดับลักเซอรี่และอัลตราลักเซอรี่ ความสำเร็จไม่ได้มาเพราะจับฉลาก แต่ตกผลึกจากประสบการณ์ล้วน ๆ

หนึ่งในสีสันของวาระครบรอบ 40 ปีค่ายแสนสิริในปี 2567 นี้ ถึงแม้จะเข้าสู่ช่วงโค้งท้ายปี แต่ก็ยังมีไฮไลต์ออกมาได้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี ล่าสุดเป็นคิวของโครงการระดับแฟลกชิป “แสนสิริ 10 East” ชื่อแบรนด์จำได้ติดตา เพราะ 10 หมายถึงทำเลที่ตั้งริมถนนบางนา-ตราด กม.10 ส่วน East มาจากการพัฒนาโครงการในโซนกรุงเทพฯ ตะวันออก

เบื้องต้น พัฒนาบนที่ดินผืนใหญ่รวม 165 ไร่ นำเสนอในคอนเซ็ปต์ลักเซอรี่คอมมิวนิตี้ หมายความว่ามีบ้านหรูหลากหลายราคาให้เลือก เริ่มต้น 25-500 ล้านบาท จำนวน 4 แบรนด์บ้านหรูด้วยกัน มูลค่าโครงการรวม 18,000 ล้านบาท บริษัทคาดหวังความสำเร็จ (ดูจากเป้าปิดการขายหรือ Sold Out) ภายใน 5-7 ปี

รวมพลัง 4 แบรนด์หรูเริ่ด

โดยผู้บริหารระดับคีย์แมน “อาณัติ กิตติกุลเมธี” รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ก้าวสำคัญของแสนสิริในไตรมาส 4/67 ตอกย้ำผู้นำตลาดอสังหาริมทรัพย์ลักเซอรี่และอัลตราลักเซอรี่ และสานต่อความสำเร็จของโมเดลแสนสิริคอมมิวนิตี้ บริษัทพร้อมแล้วกับการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ “Sansiri 10 East-แสนสิริ เท็น อีสต์” บนพื้นที่ 165 ไร่ มูลค่ารวมกว่า 18,000 ล้านบาท

เป้าหมายยกระดับจากแสนสิริคอมมิวนิตี้ สู่การสร้างลักเซอรี่คอมมิวนิตี้ ที่จะเป็นแลนด์มาร์กใหม่ บนถนนบางนา กม.10 ภายใต้ 4 แบรนด์โครงการลักเซอรี่และซูเปอร์ลักเซอรี่ ราคา 25-500 ล้านบาท จุดเน้นอยู่ที่ทุกแบรนด์ประสบความสำเร็จอย่างมากมาแล้ว

ประกอบด้วย 1.“บ้านแสนสิริ” บ้านเดี่ยวระดับแฟลกชิปของแสนสิริ ที่นับเป็น Masterpiece จากความพิถีพิถันในรายละเอียด ต่อยอดความสำเร็จมาจากบ้านแสนสิริ พัฒนาการ 30 ที่ปิดการขาย 65-240 ล้านบาท เวลาผ่านมาสิบปี วันนี้บ้านแสนสิริเป็นที่สุดของสินทรัพย์ในระดับ Rare Item เพราะราคาซื้อขายเปลี่ยนมือขยับขึ้นไปถึง 200-300%

ตามแผนคาดว่าจะเปิดเผยโฉมบ้านหรูพร้อมอยู่ภายใน 2-3 ปีนับจากนี้ ราคาอยู่ระหว่าง 200-500 ล้านบาท จำนวนจำกัดไม่เกิน 20 ยูนิต

2.“นาราสิริ” มาสเตอร์พีซของการอยู่อาศัยระดับเวิลด์คลาสที่ได้กระแสตอบรับที่ดีมากในทุกโลเกชั่น ราคา 55-100 ล้านบาท จำนวน 56 ยูนิต พื้นที่โครงการ 38 ไร่ มูลค่าโครงการ 3,900 ล้านบาท เตรียมเปิดตัวไตรมาส 1/68

3.“สิริณสิริ” บ้านลักเซอรี่แบรนด์ใหม่ที่ได้คอนเซ็ปต์แล้ว คร่าว ๆ ราคาอยู่ในเซ็กเมนต์เดียวกันกับนาราสิริ ยูนิตละ 55-100 ล้านบาท แต่พฤติกรรมการอยู่อาศัยจะแตกต่างกับนาราสิริ เป็นเศรษฐีใหม่หรือเศรษฐีที่มีพฤติกรรมโลว์โปรไฟล์ รวยจริงแต่ไม่ชอบอวดรวย บ้านไม่ได้ต้องอวดใครแต่ต้องหรูและอยู่ได้จริง คาดว่าใช้เวลาพัฒนาจนกว่าจะเปิดให้เยี่ยมชมได้ภายใน 2-3 ปีนี้ โดยจะเป็นแบรนด์สิริณสิริโครงการแรกของแสนสิริ ที่เลือกมาเปิดตัวบนทำเลบางนา-ตราด กม.10

และ 4.“เศรษฐสิริ” แบรนด์บ้านลักเซอรี่ที่อยู่คู่กับแสนสิริมานานเกิน 20 ปี นำเสนอความโดดเด่นของบ้านเดี่ยวสไตล์ Georgian แรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมยุค British Georgian จำนวน 71 ยูนิต ราคา 25-40 ล้านบาท บนพื้นที่ 27 ไร่ มูลค่าโครงการ 2,300 ล้านบาท วางแผนจัดอีเวนต์เปิดพรีเซลเป็นโครงการแรกของ “แสนสิริ เท็น อีสต์” ระหว่างวันที่ 9-10 พฤศจิกายนนี้

บ่มที่ดินให้สุก 165 ไร่

น่าสนใจว่าวาระ 40 ปีของแสนสิริ ทำไมเลือกเปิดตัวโครงการแฟลกชิปบนทำเลบางนา-ตราด กม.10

คำตอบที่ค้นพบเริ่มจากศักยภาพความเป็นทำเลทองทางเศรษฐกิจของโซนบางนา จากการมีประชากร 1.19 ล้านคน จำนวน 1.8 แสนครัวเรือน แต่ละปีมีคนย้ายเข้ามาอยู่ใหม่เฉลี่ยปีละ 2.5 แสนคน มีโรงเรียนและมหาวิทยาลัย 107 แห่ง ในจำนวนนี้เป็นโรงเรียนนานาชาติถึง 17 แห่ง รวมนักเรียน 8.8 หมื่นคน มี 11 โรงพยาบาล 7 ออฟฟิศเกรดเอ ยังไม่นับโรงงานอีก 1,066 แห่ง

โฟกัสภาคธุรกิจที่อยู่อาศัย จากเหตุผลที่ถนนบางนา-ตราด เชื่อมไร้รอยต่อไปยังพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC ซึ่งเป็นประตูเศรษฐกิจการส่งออกหลักของไทย ทำให้เป็นโซนที่มีหมู่บ้านระดับไฮเอนด์, ลักเซอรี่, ซูเปอร์ลักเซอรี่กระจุกตัวหนาแน่นอีกโซนหนึ่งของกรุงเทพฯ โดยข้อมูลภาคสนามพบว่า มีโครงการหลักสิบล้าน อาทิ ราคา 12-30 ล้าน, 14-30 ล้าน, 30-70 ล้าน, 35-68 ล้าน, 20-60 ล้านบาท และมีโครงการหลักร้อยล้าน อาทิ ราคา 10-190 ล้าน, 185-310 ล้าน, 180-360 ล้าน, 10-190 ล้านบาท

ประเด็นอยู่ที่โครงการทั้งหมดนี้ ทำเลที่ตั้งอยู่ในซอยทั้งสิ้น ดังนั้น “แสนสิริ 10 อีสต์” จึงกล่าวได้ว่าเป็นบ้านลักเซอรี่โครงการเดียวที่ตั้งอยู่ริมถนนบางนา-ตราด กม.10

โฟกัสให้ลึกลงไปอีกเกี่ยวกับราคาที่ดินในโซนบางนา-ตราด พบว่า ราคาเฉลี่ยสูงสุดขยับขึ้นไปแตะ 170,000 บาท/ตารางวา ทำเลใกล้สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ ซึ่งมีพิกัดอยู่บางนา-ตราด กม.15 เป็นโซนที่ราคาที่ดินเพิ่มขึ้นเป็นอันดับ 1 ในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ณ ไตรมาส 4/66

“ราคาที่ดินวาละ 1.7 แสนบาท ไม่สามารถทำตลาด Affordable ได้แล้ว เป็นราคาที่ดินเหมาะสมสำหรับทำโครงการลักเซอรี่และอัลตราลักเซอรี่”

ไฮไลต์ของแสนสิริอยู่ที่แผนธุรกิจต้องการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในทุกมิติ หนึ่งในการเติบโตยั่งยืนมาจากการบริหารจัดการแลนด์แบงก์ จากปกติเฉลี่ยตั้งงบฯซื้อที่ดินปีละ 5,000-10,000 ล้านบาท ปรากฏว่าจังหวะเศรษฐกิจตกต่ำทำให้ซื้อที่ดินรอพัฒนาบ้านแนวราบได้อีก 3 ปีหน้า ปีนี้จึงชะลอพอร์ตลงเหลืองบฯจัดซื้อ 2,000 ล้านบาท

รวมทั้งแปลงที่ดิน 165 ไร่ ซึ่งถือในมือตั้งแต่ 4-5 ปีที่แล้ว เป็นกลยุทธ์ “บ่มที่ดินให้สุก” เพื่อรอเปิดตัวโครงการ นับเป็นเกมการลงทุนของยักษ์อสังหาริมทรัพย์เท่านั้นที่จะทำได้ เพราะการเงินต้องแข็งแกร่ง สายป่านต้องยาว

เหนือชั้นด้วยลักเซอรี่เซอร์วิส

สำหรับการแข่งขันในตลาดบ้านลักเซอรี่ การขึ้นสู่แชมป์อาจเป็นเรื่องยาก แต่การรักษาแชมป์ให้ยั่งยืนนั้นยากกว่ากันเยอะ สุดยอดกลยุทธ์ของแสนสิริที่หาคนต่อกรได้ยากก็คือการบริการหลังการขาย นอกจากคู่แข่งจะแข่งลำบากแล้ว แสนสิริยังมีการยกระดับการบริการอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด แสนสิริ 10 อีสต์ นำเสนอแสนสิริเซอร์วิสรูปแบบใหม่ “Sansiri Luxury Service” จากทีมพลัส พร็อพเพอร์ตี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านบริการระดับลักเซอรี่และไลฟ์สไตล์ เป็นผู้รับผิดชอบบริหารจัดการนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรให้กับโครงการ ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการดูแลครอบครัวแสนสิริ ตั้งแต่วันนี้ พรุ่งนี้ และตลอดไป

“เรามั่นใจว่าโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับซูเปอร์ลักเซอรี่และลักเซอรี่ที่แสนสิริพัฒนา จะมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านมูลค่าที่เหนือกาลเวลาและประสบการณ์การใช้ชีวิต” คำกล่าวของ “อาณัติ กิตติกุลเมธี”

2/11/2567  ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 2 พฤศจิกายน 2567 )